Search

กสอ.พาชม 'บิงซูเนื้อสับปะรด' สวนกระแสโควิด-แค่เปลี่ยน 2 ข้อ ธุรกิจปังได้ - ข่าวสด

meatnewss.blogspot.com

“สับปะรด” ถือเป็นหนึ่งในราชาแห่งตลาดผลไม้ส่งออกที่ครองใจผู้คนในทวีปเอเชีย ด้วยความสดชื่นจากรสเปรี้ยวอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ และวิตามินซีที่สูงถึง 48 มิลลิกรัมต่อปริมาณ 100 กรัม ถือเป็นอาหารชั้นยอดสำหรับคนรักษ์สุขภาพ ซึ่งไทยริชฟูดส์ได้นำจุดเด่นนี้ต่อยอดเป็น “บิงซูเนื้อสับปะรด” ด้วยเกล็ดหิมะที่หวานและเย็นชื่นฉ่ำใจ สร้างรายได้จากการส่งออกต่อเดือนกว่า 60 ล้านบาท

นางตะวัน บุญฤทธิ์ลักขณา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า “บิงซูเนื้อสับปะรด” ถือเป็นสินค้าที่ชาวเกาหลีใต้ชื่นชอบ แม้โควิด-19 จะทำให้ยอดการจำหน่ายในประเทศลดลง แต่กลับกระตุ้นยอดการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคำแนะนำของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ในการปรับรูปแบบการผลิตให้สอดรับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการขยายฐานตลาดไปยังต่างประเทศที่มีความต้องการผลไม้แปรรูปของไทย โดยพบว่า ประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นตลาดสำคัญในภาวะวิกฤต ทำให้สัดส่วนของการส่งออกของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 จากเดิมที่ส่งออกได้เพียงร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่บริษัทฯ ผลิตได้

“บิงซูเนื้อสับปะรด”มียอดสั่งซื้อจากเกาหลีใต้เป็นจำนวนกว่า 100,800 ลูกต่อวัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำลังการผลิตสูงสุด ณ ขณะนี้ ที่ทางบริษัทฯ สามารถผลิตและควบคุมคุณภาพได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จึงถือเป็นรายได้หลักของโรงงาน ที่ทำให้สามารถดำเนินกิจการโดยที่ไม่ต้องปรับลดพนักงาน หรือ หยุดกิจการชั่วคราว

“เราเน้นการควบคุมคุณภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะด้านการเพาะปลูก ได้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรเพื่อควบคุมการใช้สารเคมี และด้านการผลิตด้วยระบบคุณภาพ รวมทั้งมีมาตรการสุ่มตรวจสินค้าอย่างเข้มงวดภายในบริษัทฯ ก่อนส่งออกทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นมีคุณภาพที่เท่ากัน แม้จะเป็นผลไม้ซึ่งถือได้ว่า ควบคุมมาตรฐานได้ยากก็ตาม ทำให้ยอดการส่งออกของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่าตัว ทั้งยังเป็นผลดีกับเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ที่ไม่ต้องประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด และขายไม่ได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19” นางตะวัน กล่าว

บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด ถือเป็นต้นแบบสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและการแปรรูป ในการปรับตัวในภาวะวิกฤต จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯ รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับการเข้าสู่ความเป็นปกติใหม่ หรือ นิวนอร์มัล (New Normal) ผ่าน 2 แนวทางสำคัญ อาทิ

1.การเสริมศักยภาพสู่ความเป็นผลิตภัณฑ์อาหารระดับโลก หรือ Global Food Producers โดยการควบคุมมาตรฐานและคุณภาพในกระบวนการผลิต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในต่างประเทศ ทั้งยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองอุปสงค์ หรือ ดีมานด์ ในบริบทที่สอดคล้องกับตลาดแต่ละภูมิภาค ขณะเดียวกัน ต้องสามารถการันตีความเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดโรค เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการบริโภคสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่ามีภาษีมากกว่าประเทศอื่น ๆ ด้วยมาตรการควบคุมโรคที่สามารถลดอัตราการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

2.การเพิ่มขีดความความสามารถในการผลิตเพื่อพัฒนาสู่อุตสาหกรรม 4.0 หรือ High Productivity & Industry 4.0 โดยใช้นวัตกรรมมาเพิ่มผลิตภาพการผลิต ระบบการบริหารจัดการ รวมทั้งการใช้ระบบออโตเมชั่น แทนแรงงานคน ที่สามารถผลิตและควบคุมคุณภาพได้มากกว่า โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม เพื่อปรับมาเป็นผู้ควบคุมการใช้ออโตเมชั่น หรือมาพัฒนาต่อยอดการผลิตออโตเมชั่นสัญชาติไทย

“การเปลี่ยนแปลงนับจากนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบออโตเมชั่น จะตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการ ในการปรับตัวรองรับพฤติกรรมของแรงงานที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะช่วงที่ผ่านมา แรงงานบางส่วนสามารถสร้างรายได้ด้วยการค้าขายออนไลน์ ซึ่งจะทำให้ความต้องการเข้าทำงานในภาคอุตสาหกรรมลดลง ขณะเดียวกัน ระบบออโตเมชั่น ยังเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ให้ตรงตามข้อกำหนดและความต้องการของตลาดต่างประเทศ”นางตะวันกล่าว

สำหรับผู้ประกอบการและบุคลากรภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) นั้น กสอ. มุ่งพัฒนาเอสเอ็มอีให้เกิดการเพิ่มขีดความสามารถ และยกระดับความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็นในการเข้าสู่นิวนอร์มัล รวมทั้งการจัดทำแผนงานช่วยขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีศักยภาพทั้งในภาวะวิกฤตและภาวะปกติ ซึ่ง กสอ. ตั้งเป้าพัฒนาให้ดีพร้อมภายใน 90 วัน โดยคาดว่าจะสามารถฟื้นฟูผู้ประกอบการได้ 4,055 กิจการ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 448 ล้านบาท

fresh pineapple smoothie glass on wood table - Healthy Drink

ทั้งนี้ จากสถิติอุตสาหกรรม (TSIC) ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ในครึ่งปีแรก 2563 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผักและผลไม้แช่แข็ง พบว่า ยอดขายภายในประเทศมีจำนวนกว่า 311 ล้านบาท และยอดการส่งออกมีจำนวนกว่า 4,197 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 13 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

ถือเป็นผลสำเร็จจากนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในการฟื้นฟูผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วนให้ดีพร้อมภายในระยะเวลา 90 วัน ที่ กสอ. เร่งติดตามและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผ่านการให้คำปรึกษาแนะนำแก่เอสเอ็มอีสู้วิกฤตโควิด จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อบริหารจัดการธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้สนใจสามารถเข้ารับคำปรึกษา หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อ “ปั้น ปรุง เปลี่ยน ให้ดีพร้อม (DIProm)” เคียงข้างผู้ประกอบการสู่นิวนอร์มัล ได้ที่ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0-2202-4414 ถึง 18 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://ift.tt/3eLVWOU และ www.dip.go.th

Let's block ads! (Why?)




September 07, 2020 at 06:44PM
https://ift.tt/3jNFMqu

กสอ.พาชม 'บิงซูเนื้อสับปะรด' สวนกระแสโควิด-แค่เปลี่ยน 2 ข้อ ธุรกิจปังได้ - ข่าวสด

https://ift.tt/2whLr5e


Bagikan Berita Ini

0 Response to "กสอ.พาชม 'บิงซูเนื้อสับปะรด' สวนกระแสโควิด-แค่เปลี่ยน 2 ข้อ ธุรกิจปังได้ - ข่าวสด"

Post a Comment

Powered by Blogger.