Plant-based meat หรือเนื้อจากพืช ไม่ใช่เรื่องใหม่ในจีน คนจีนนิยมบริโภคมังสวิรัติและอาหารเจเป็นทุนเดิม เพียงแต่รูปแบบและสีสันที่เปลี่ยนไป เมื่อเชนร้านอาหารมุ่งปักธงในกลุ่มนี้ในจีน แถมจุดกระแสรักสุขภาพหลังโควิด-19 ความท้าทายในตลาดนี้นับว่าน่าสนใจ
#PlantBasedMeat #China #bangkokbank #bangkokbanksme #sme
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพและไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์หรือจากพืช (Plant-based meat) นับเป็นกลุ่มหนึ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่งในตลาดบริโภคจีน ซึ่งหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนดีขึ้นเรื่อยๆ ร้านอาหารและเครื่องดื่มเริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้ง และในครั้งนี้ร้านอาหารหลายแห่งได้ทดลองออกสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างสีสันให้ตลาดและกระตุ้นการบริโภคของผู้บริโภคจีน ในช่วงเมษายนที่ผ่านมาร้าน KFC ในจีน (ภาษาจีนออกเสียงว่า เขิ่นเต๋อจี) ได้ทดลองจำหน่าย “นักเก็ตไก่ที่ทำมาจากพืช” เป็นครั้งแรกในประเทศ
โดยเปิดทดลองจำหน่ายเพียง 3 สาขาใน 3 เมืองก่อน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเนื้อสัตว์ทดแทน โดยวางจำหน่ายในราคาพิเศษ 1.99 หยวน สำหรับนักเก็ต 5 ชิ้น โดยวัตถุดิบเนื้อสัตว์ทำจากพืชนี้ทาง Cargill ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรรายใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ มีโรงงานตั้งอยู่ในเมืองฉูโจว มณฑลอันฮุยซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ให้กับ KFC
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ด้าน Joey Wat ซีอีโอของ Yum China เจ้าของแฟรน์ไชส์ KFC ในประเทศจีนให้ความเห็นว่า เนื้อสัตว์ทดแทนในจีนกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น KFC ต้องการเจาะตลาดจีนที่ผู้บริโภคกลุ่มผู้รักสุขภาพ ผู้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และชาววีแกนกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เพียงแต่ KFC เท่านั้นที่มองเห็นโอกาสทางตลาดที่เติบโต ทางสตาร์บัคส์ (จีนออกเสียงว่า ซิงปาเคอะ) เองก็ได้เปิดตัวเมนูเนื้อสัตว์ทำจากพืชกว่า 5 เมนู โดยมีเมนูเนื้อวัวทำจากพืชจาก Beyond Meat 3 เมนู ได้แก่ ลาซานญ่าเนื้อ, พาสต้าเนื้อซอสเพสโต้ และแร๊พเนื้อซอสพริก เมนูเนื้อหมูทำจากพืชจาก Omnipork 2 เมนู ได้แก่ สลัดก๋วยเตี๋ยวสไตล์เวียดนาม และหมูผัดซอสเห็ด
นอกจากนี้ร้านพิซซ่า PAPA JOHNS ก็ได้เปิดตัวเมนูใหม่ “พิซซ่าเนื้อสัตว์ทำจากพืช” ออกวางจำหน่ายในร้านค้า 150 แห่งทั่วประเทศจีนด้วยเช่นกัน
2 ประเด็นความท้าทายเนื้อจากพืชในจีน
เห็นชัดว่าเทรนด์นี้มาแรงในจีน เพราะแม้ว่าตลาดเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชในประเทศจีนจะเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่หากพิจารณาถึงจำนวนร้านอาหารที่เริ่มเปิดจำหน่ายเมนูเนื้อสัตว์ทำจากพืช ทั้ง KFC ที่มีกว่า 6,500 สาขาทั่วประเทศจีน และสตาร์บัคอีก 4,200 สาขาทั่วประเทศจีน ก็เท่ากับว่าจีนกำลังจะมีร้านอาหารที่จำหน่ายเมนูเนื้อสัตว์ทำจากพืชมากกว่า 10,000 ร้านทั่วประเทศ ถือเป็นก้าวแรกในการนำผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทำจากพืชบุกตลาดจีนอย่างจริงจัง
ซึ่งที่จริงแล้วประเทศจีนมีการบริโภคเนื้อสัตว์ทำจากพืชมายาวนานนับพันปี โดยกลุ่มผู้บริโภคหลักคือผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติ/อาหารเจตามความเชื่อทางพุทธศาสนา มีบริษัทผู้ผลิตเนื้อสัตว์ทำจากพืชหลายบริษัท อาทิ Qishan Food Limited Company ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี โดยในปี 2018 มียอดขายสูงถึง 300 ล้านหยวน
ในอดีตมีลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้บริโภค อาหารมังสวิรัติ/อาหารเจตามความเชื่อทางศาสนา แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ บริษัทได้เริ่มเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ออกกำลังกาย กลุ่มผู้รักสุขภาพ และผู้ที่คำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทำจากพืชนั้น ความท้าทายในการทำตลาดในประเทศจีนมีอยู่ 2 ประเด็น
ประเด็นแรกคือ นิสัยการบริโภคเนื้อสัตว์ของผู้บริโภคจีนที่นิยมบริโภคแบบ “เน้นเนื้อๆ” โดยในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคจีนนิยมบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกำลังซื้อที่สูงขึ้น จะเห็นได้จากปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์ของชาวจีนเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 13 กิโลกรัมในปี 1982 เป็นประมาณ 60 กิโลกรัมในปี 2014 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า
นอกจากนี้ชาวจีนยังเชื่อว่ากินเนื้อสัตว์ทำให้สุขภาพแข็งแรง โดยเฉพาะความเชื่อตามแพทย์แผนจีนที่เชื่อว่าเนื้อสัตว์ชนิดต่างมีฤทธิ์บำรุงร่างกายต่างกันไป อาทิเนื้อวัว เนื้อแพะ ช่วยบำรุงให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาว
ประเด็นที่สอง เรื่อง “ราคา” ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทำจากพืชทั้งแบบเป็นวัตถุดิบสด และอาหารสำเร็จรูป ต่างมีราคาจำหน่ายสูงกว่าเนื้อสัตว์ปกติ อาทิเนื้อหมูทำจากพืชของ Omnipork มีราคาจำหน่ายสูงกว่าเนื้อหมูปกติถึงเกือบ 4 เท่า ราคาจึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนไม่สนใจที่จะซื้อและทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ของสตาร์บัคส์ ซึ่งตั้งราคาจำหน่ายไว้ค่อนข้างสูง
ถึงแม้กลุ่มผู้รักสุขภาพในตลาดจีนจะมีขนาดใหญ่และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หากทางเลือกอาหารเพื่อสุขภาพที่ต้องจ่ายแพงกว่าหลายเท่าตัว จำนวนผู้บริโภคจีนที่ยอมจ่ายอาจมีไม่มากเท่าจำนวนผู้บริโภคในประเทศฝั่งอเมริกาและยุโรป
อย่างไรก็ตามบริษัทอาหารชั้นนำของโลกในหลายประเทศ ต่างเริ่มวิจัยและผลิตสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ทำจากพืช และตลาดผู้บริโภคทั่วโลกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้นที่ผู้บริโภคเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคในตลาดจีนเองก็กำลังเริ่มตอบรับกับสินค้ากลุ่มนี้เช่นกัน
โดยหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้บริโภคในจีนมีแนวโน้มหันมาใส่ใจกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมรอบตัว และหันมาเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพเข้าสู่ตลาดจีน ดังจะเห็นได้จากเชนร้านอาหารระดับโลกอย่าง KFC และ Starbucks ที่นำเมนูเนื้อสัตว์ทำจากพืชเข้าสู่ตลาดจีนพร้อมๆ กัน
เห็นได้ว่าสินค้าสุขภาพ โปรตีนจากพืช หรือเนื้อสัตว์จากพืช กำลังเป็นสินค้าที่กำลังมาแรงในตลาดจีนในช่วงนี้ และเป็นสินค้ากลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด และยังไม่มีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาดอย่างชัดเจน ประเทศไทยเองเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับต้นๆ ของโลก ผู้บริโภคจีนให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคสินค้าอาหารจากประเทศไทย ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรเร่งศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และหาโอกาสในการขยายตลาดต่อไป
แหล่งที่มา : https://cbndata.com/information/54629
https://new.qq.com/omn/20200425/20200425A03UQN00.html
โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
โอกาส SMEs! ตลาดเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชในประเทศจีน
6 เทรนด์อาหารและเครื่องดื่มมาแรงในจีน
July 22, 2020 at 03:28PM
https://ift.tt/3eKUPOQ
จับตา! KFC และ Starbucks รุกตลาดเนื้อจากพืชในจีน - มติชน
https://ift.tt/2whLr5e
Bagikan Berita Ini
0 Response to "จับตา! KFC และ Starbucks รุกตลาดเนื้อจากพืชในจีน - มติชน"
Post a Comment